เคล็ด(ไม่)ลับสำหรับการเขียนเรียงความ
ปภาวรินท์ รัตน์วิเศษฤทธิ์
การเขียนเรียงความ
การเขียนเรียงความ เป็น การนำถ้อยคำมาผูกประโยค
แล้วเรียบเรียงเป็นเรื่องราวเพื่อเเสดงความรู้ ความเข้าใจ ความคิดเห็น
และความรู้สึกของผู้เขียน ให้ผู้อื่นเข้าใจเรื่องราวที่เขียน
ด้วยสำนวนภาษาที่สละสลวย
หลักการเขียนเรียงความ
๑. เขียนชื่อเรื่องไว้กึ่งกลางหน้ากระดาษ ๒. เขียนด้วยลายมือที่ชัดเจนอ่านง่าย และถูกต้องตามหลักการเขียน ๓. ไม่เขียนชิดริมกระดาษ หรือเขียนตกขอบกระดาษ ควรเว้นว่างหนากระดาษทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
พองาม
รวมทั้งไม่เขียนฉีกคำ
๔. วางโครงเรื่องเพื่อลำดับเรื่องราวให้เป็นไปตามลำดับก่อนและหลัง ๕. ควรแบ่งเป็นย่อหน้าคำนำ เนื้อเรื่อง และสรุป โดยในส่วนของเนื้อเรื่องอาจมีย่อหน้าหลายย่อหน้าได้ และควรเขียนย่อหน้าให้ตรงกัน ๖. ชื่อเรื่องและเนื้อเรื่องต้องสัมพันธ์กัน ๗. เนื้อเรื่องต้องประกอบด้วยข้อมูลที่เป็นจริง ผู้เขียนจึงควรค้นคว้าเรื่องที่จะเขียน รูปแบบของเรียงความ แบ่งออกเป็น ๓ ส่วน ดังนี้ ๑. คำนำ อยู่ส่วนเเรกของเรียงความ มีความยาวพอประมาณ ใช้เเสดงความรู้สึกนึกคิดของผู้เขียนต่อหัวข้อเรื่อง บางเรื่องก็ขึ้นคำนำโดยใช้อธิบายคำจำกัดความหัวข้อ ๒. เนื้อเรื่อง เป็นย่อหน้าถัดจากคำนำ ส่วนของเนื้อเรื่องควรมีประมาณ ๒-๔ ย่อหน้า ต้องบรรยายชัดเจน ยกตัวอย่างให้เห็นจริง อ้างอิงให้ข้อความมีน้ำหนัก ๓. สรุป เป็นย่อหน้าสุดท้ายของเรียงความ ควรมีเพียงย่อหน้าเดียว และไม่ต้องเขียนคำสรุป บางครั้งอาจจบลงด้วยคำคม หรือสุภาษิตที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง
การใช้ภาษาในเรียงความ
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้ภาษาในเรียงความมี ๕ ประการ ดังนี้ ๑. สังเกตภาษา เช่น การใช้คำที่สื่อความหมายชัดเจน เหมาะสม - ถ้าเราใช้เวลาจนคุ้มค่า ก็ไม่ต้องเสียดายโอกาสที่ผ่านไป - การมองโลกในแง่ดี ย่อมทำให้จิตใจผ่องใส ๒. เลือกใช้คำที่เหมาะสม ใช้คำศัพท์ที่ถูกต้องและเรียบง่าย อ่านเเล้วเข้าใจทำให้เห็นภาพ ๒.๑ คำที่เรียบง่าย เช่น ผมชอบอากาศทางเหนือที่หนาวเย็น ๒.๒ คำพยางค์เดียวและคำซ้อน เช่น เธอเขียนคำตอบผิด ๒.๓ คำที่ให้เห็นภาพและได้ยินเสียง เช่น เป็ดตัวเเรกลงน้ำก่อน ไซ้ปีกไซ้ขน ขณะที่ตัวอื่นๆ ตามลงมาดูเบา และลอยฟ่อง เหมือนร่างกายไม่มีน้ำหนัก (จากเรื่อง สวนสัตว์ ของ สุวรรณี สุคนธา) ๓. คิดให้เเจ่มเเจ้ง ควรใช้ความคิดในเรื่องที่จะเขียนให้กระจ่าง เพื่อใช้เป็นโครงเรื่อง และคิดหาถ้อยคำมาใช้สื่อความหมาย จนกว่าจะจบเรื่อง ๔. แต่งประโยคสั้น เป็นวิธีการที่ดีในการเขียนเรียงความ ในการแต่งประโยคไม่ความใช้คำซ้ำๆ ในที่ใกล้ๆ กัน ควรเปลี่ยนใช้คำอื่นที่มีความหมายใกล้เคียงกัน เช่น แม่ซื้อกระเป๋า ประเป๋าสีดำ กระเป๋าใบนี้ทำจากหนังงู เป็น แม่ซื้อกระเป๋าสีดำ ซึ่งทำจากหนังงู สุนทรภู่ ได้ชื่อว่าเป็นกวีเเห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๙ สุนทรภู่ได้รับการยกย่องให้เป็นกวีเอกของโลก เป็น สุนทรภู่ ได้ชื่อว่าเป็นกวีเเห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๙ ท่านได้รับการยกย่องให้เป็นกวีเอกของโลก ๕. สัมพันธ์เรื่องราว ควรคำนึงถึงการทำให้เรื่องที่เขียนมีเนื้อหาสาระที่สัมพันธ์กันตามโครง เรื่อง โดยย่อหน้าทั้งหมดต้องมีเรื่องราวสัมพันธ์ต่อเนื่องกันจนกว่าจะจบเรื่อง ผู้เขียนเรียงความต้องใช้คำในการสื่อความหมายให้ชัดเจน อ่านเเล้วเขาใจทำให้เห็นภาพ ควรใช้คำที่ถูกต้องและเรียบง่าย การเขียนเรียงความมีข้อควรระวัง คือ ไม่ควรใช้คำซ้ำๆ ในที่ใกล้ๆ กัน ควรเปลี่ยนใช้คำอื่นที่มีความหมายใกล้เคียงกัน และเรียบเรียงเนื้อหาสาระให้สัมพันธ์ตามโครงเรื่อง ข้อความเเต่ละย่อหน้าให้มีความต่อเนื่องกันจนจบ และอาจลงท้ายด้วยคำคม หรือสุภาษิตก็ได้
เคล็ด
(ไม่) ลับ สำหรับการเขียนเรียงความ
๑.
คำนำ
เรียงความที่ดีนั้นควรเขียน "คำนำ" เป็นส่วนแรก โดย "คำนำ" จะทำหน้าที่เปิดประเด็นของเรื่องที่เราจะเขียน ซึ่งควรเปิดประเด็นให้น่าสนใจ ใช้ภาษาสละสลวย ดึงดูดใจให้ผู้อ่านอยากอ่านต่อ แต่ไม่ควรบรรยายมากจนเยิ่นเย้อเกินไป ควรเขียนให้กระชับ ตรงประเด็น ไม่ออกนอกเรื่อง และไม่ควรซ้ำกับส่วนสรุป
ทั้งนี้ หลาย ๆ เรียงความ
อาจเปิดเรื่องด้วยการยกคำคม สุภาษิต หรือบทกวีที่ไพเราะมาเปิดเรื่องเป็นคำนำก็ได้
ซึ่งหากเขียนดี ๆ ก็จะช่วยทำให้เรียงความนี้ดูน่าสนใจขึ้นมาก
๒. เนื้อเรื่อง เป็นส่วนสำคัญของเรียงความ ซึ่งจะใช้อธิบายในสิ่งที่ผู้เขียนต้องการบอกเล่า ทั้งความคิด ความรู้ และข้อมูลต่าง ๆ โดยก่อนเขียนเนื้อเรื่องนั้น ผู้เขียนควรวางโครงเรื่องไว้ก่อนว่าแต่ละย่อหน้าจะเขียนในประเด็นใดบ้าง เพื่อจะได้ไม่สับสน และทำให้การเรียบเรียงเนื้อเรื่องดูเป็นระเบียบ สำหรับการเขียน เนื้อเรื่อง นั้น สิ่งสำคัญก็คือ ผู้เขียนต้องเขียนข้อมูลที่ถูกต้อง และครบถ้วน แต่ละย่อหน้าควรมีใจความสำคัญเพียงใจความเดียว และเนื้อหาทุกย่อหน้าต้องมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกัน ไม่วนไปวนมา เพื่อจะทำให้ผู้อ่านไม่สับสน และเข้าใจว่า ผู้เขียนต้องการสื่อหรือบอกอะไรถึงผู้อ่านได้รับรู้ ๓. สรุป เรียงความที่ดีนั้นต้องมีส่วนสรุปในย่อหน้าสุดท้ายของเรียงความด้วย เพื่อทิ้งท้ายให้ผู้อ่านรู้สึกประทับใจ โดยการเขียนสรุปนั้น ทำได้หลายวิธี อย่างเช่น การตั้งคำถามทิ้งท้ายให้ผู้อ่านได้ฉุกคิด การชักชวน หรือโน้มน้าวให้ผู้อ่านปฏิบัติตาม คล้อยตามในความคิดของเรา หรือทิ้งท้ายด้วยการให้กำลังใจ หรือยกคำพูด คำคมที่สอดคล้องกับเนื้อเรื่องของเรามาปิดท้ายก็ได้ |
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment